ญี่ปุ่น 7 วัน 7 เมือง เที่ยวครบจบใน Pass เดียว!

 สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ และพี่ๆ ทุกคน เราตั้งใจเขียนรีวิวนี้เป็นรีวิวแรก หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยในที่นี้ด้วยนะคะ
           สำหรับรีวิวนี้อยากจะแนะนำ Pass พาสหนึ่งที่ใช้สำหรับเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น ตั้งแต่ Osaka ไปจนถึง Nagoya ได้เลย ซึ่งพาสนี้ชื่อว่า "Takayama Hokuriku Pass" ซึ้งมันคุ้มมากๆ ไม่รู้จะพูดยังไง คือมันคุ้มมากจริงๆ พูดแล้วจะหาว่าอวย ไปดูกันเลยดีกว่าพาสนี้สามารถนั่งรถไฟ JR ไปเที่ยวตรงไหนได้บ้าง ไปดูกันเลย.... ทริปนี้เราเดินทางไปกับเพื่อนแค่ 2 คน ขอตั้งชื่อทริปนี้ว่า "ทริปเหงาๆ ของคนโสด" 555+
เราออกเดินทางวันที่ 4-10 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งสถานะการณ์ตอนนั้น COVID-19 ยังไม่ระบาดมากนัก แต่เราเป็นทีมไปต่อค่ะ สู้สิค่ะ อิอิ.... เราเดินทางด้วยสายการบิน Air Asia X เที่ยวบิน XJ612 เวลา 01.15 - 8.45 น. ในราคาคนละ 11,058 บาท (+แพ็คสุดคุ้ม รวมนน.กระเป๋า อาหาร เลือกที่นั่ง ประกันการเดินทาง) แอร์เอเชียเขามีเมนูพิเศษสำหรับเดือนแห่งความรักด้วยนะ เราก็ไม่พลาดที่จะสั่งมาถ่ายรูปค่ะ 555
สำหรับใครที่ถือบัตรเครดิต Bangkok Bank Platinum สามารถแลกเครื่องดื่มฟรีได้ด้วยนะ อย่าลืม!!!
ระหว่างอยู่บนเครื่องเจ้าหน้าที่ก็จะแจกใบผ่าน ตม. มาให้เรากรอก ตัวอย่างตามรูปเลย อย่าลืมเตรียมข้อมูลของตัวเองไว้ด้วยนะ
และแล้วเราก็มาถึงสนามบินคันไซ ทำการเปลี่ยนซิมที่เราซื้อมาตั้งแต่ที่สนามบินที่ไทย ซิมที่เราเลือกใช้ก็คือ Sim2fly (พิสูจน์มาแล้วว่าสัญญานดี ไม่ขาดหายค่ะ ใช้ได้นานถึง 10 วันเลย) จากนั้นก็ไปจุดรับกระเป๋า แล้วเราก็นั่งรถไฟออกจากสนามบินไปยัง ตม. และแล้วก็มาถึงช่วงที่ระทึกที่สุด ลุ้นจนฉี่จะแตก จะผ่านไหมว่ะ... แต่แล้วก็ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ ออกจากสนามบิน เราก็รีบนำ Voucher ต่างๆ ที่ซื้อมาจาก Klook ไปแลกตามเคาเตอร์ที่เข้าระบุไว้ สิ่งที่เราจะแลกออกจากสนามบินไปเลยก็คือ Takayama Hokuriku Pass, Osaka Amazing Pass และ บัตร ICOCA
Voucher ทั้งหมดเราซื้อจาก KLOOK หมดเลย
จุดเด่น JR Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass คือ คือ บัตรรถไฟของเครือเจอาร์แบบเหมาจ่าย เหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนท่องเที่ยวในเส้นทางระหว่างเมืองOsaka, Kyoto, Fukui, Kanazawa, Takayama และ Nagoya (ระยะเวลา5 วันต่อเนื่อง)
- สามารถใช้โดยสารรถไฟ JR ตามเส้นทางที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นรถไฟแบบด่วนและรถไฟแบบธรรมดา ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว
- จองที่นั่งรถไฟแบบ Reserved Seat (ระบุที่นั่ง) ได้มากถึง 4 ครั้ง
- สามารถใช้โดยสาร Sarubobo Bus ที่ให้บริการในเมือง Takayama ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว
- สามารถใช้โดยสาร Nohi Bus, Hokutetsu Bus ที่ให้บริการระหว่างเส้นทาง Takayama – Shirakawago – Kanazawa ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว
***ซื้อได้ที่ KLOOK ใช้โค้ดส่วนลด เหลือในราคา 3,285 บาท/คน

จุดเด่น Osaka Amazing Pass 2 Day คือบัตรสุดคุ้มสำหรับนักท่องเที่ยวที่สามารถใช้ทัวร์ไปได้ทั่วเมืองโอซาก้าโดยรถบัสและรถไฟใต้ดิน แบบไม่จำกัดเที่ยวในเวลา 2 วัน
- ใช้รถไฟและรถประจำทางในเมืองโอซาก้าได้ไม่จำกัดใน 2 วัน
- ใช้ตั๋วเพียงใบเดียวก็เดินทางได้อย่างราบรื่นไม่ต้องซื้อเพิ่ม
- ใช้เข้าสถานที่ท่องเที่ยวได้ฟรีกว่า 30 แห่ง
- พร้อมสิทธิพิเศษจากสถานที่ท่องเที่ยวกว่า 20 แห่ง
- พร้อมสิทธิพิเศษจากร้านค้าและร้านอาหารกว่า 52 แห่ง
*โดยหลังจากซื้อบัตร Osaka Amazing Pass แล้วเราจะได้รับคู่มือสำหรับท่องเที่ยวและคูปองส่วนลดที่ว่ามาครอบครองนั่นเอง ปัจจับันโหลด APP มา แสกนบัตร เราสามารถใช้คูปองใน app ได้เลย สะดวกมากๆ หาซื้อได้ที่ KLOOK ใช้โค้ดส่วนลด เหลือในราคา 1,017 บาท

จุดเด่น บัตร ICOCA เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถใช้ขึ้นรถไฟแทนตั๋วอื่นๆได้เพียงแค่นำบัตรดังกล่าวมาแตะตรงช่องตรวจตั๋วอัตโนมัติ
บัตรเหล่านี้ยังสามารถนำเอาไปใช้ในการช็อปปิ้งได้อีกด้วย เราใช้สำหรับเวลานั่งรถไฟในสายที่ Pass หลักของเราไม่ตรอบคลุม เราก็ใช้บัตรนี้ตัดไปเลย โดยที่ไม่ต้องกดตั๋วว่าจะลงสถานีไหน หรือเผื่อไว้สำหรับเวลาหลงนั่นเอง 555+
*** หาซื้อได้ที่ KLOOK อีกเช่นเคย ใช้โค้ดส่วนลด เหลือในราคา 615 บาท ในบัตร แบ่งออกเป็น ค่ามัดจำบัตร 500 เยน (ได้รับคืนเมื่อนำบัตรไปคืน) และยอดเงินสำหรับใช้งาน 1,500 เยน

       เมื่อได้ทุกอย่างครบแล้ว เราก็เปิดใช้งาน JR Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass โดยการนั่ง JR ไปลง Osaka แล้วต่อ JR Thunderbird ไป Kanazawa ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง นอนไปยาวๆ ค่ะ (ถ้าถามว่า JR Thunderbird จำเป็นต้องจองที่นั่งๆไหม ไม่ต้องจองก็ได้ค่ะ นั่งตู้ที่ non-resived ยังไงก็มีที่ว่างเหลือเยอะ)

Day 1 Kanazawa


เรามาถึง Kanazawa เวลา 15.02 น. ก็รีบไปเช็คอินเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บ แล้วไปหาอะไรร้อนๆ กินหน่อย เพราะหนาวมากกกก พูดทีนี่ควันออกปากเลย 11-15 องศา เย็นโครตๆ คืนนี้เราจะนอนกันที่โรงแรมอะป้า คานาซาวา-เอกิมาเอะ (APA Hotel Kanazawa-Ekimae) เหตุผลที่เลือกที่นี่ เพราะใกล้กับสถานีรถไฟ Kanazawa มีร้านอาหารให้เลือกเยอะมาก ใกล้กับ 7-11 และ Lawson ที่สำคัญ ที่พักที่นี่มี Onsen & Spa ให้เข้าฟรีด้วย เราจองที่พักกับ Agoda ในราคา 4,380.60/2 คืน ตกคืนละ 2,190.30 บาท หารกับเพื่อนสองคนค่ะ ไปดูห้องพักกันเลย บอกเลยว่าอุปกรณ์ที่เขาให้มามีครบทุกอย่างเลยก็ว่าได้
หลังจากเอาของไปเก็บ เติมพลังกันเสร็จแล้ว เราก็เริ่มตะลอนเที่ยวเมือง Kanazawa กัน โดยเราจะซื้อตั๋วเหมาสำหรับนั่งรถบัสเที่ยวในเมือง Kanazawa แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยว "The Hokutetsu One Day Pass" ในราคา 500 เยน สำหรับสถานที่ซื้อ The Hokutetsu One Day Pass นั้น มีอยู่หลายจุดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Tourist Information ที่สถานี JR Kanazawa Station (ถามว่าคุ้มไหม ตอบเลยว่าคุ้ม เพราะแค่เรานั่งเที่ยวเดียว ก็ตกเที่ยวละ 230 เยนแล้ว) ไปดูกันดีกว่าว่า Kanazawa มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรกันบ้าง และสถานที่เราลิสไว้ในใจมีดังนี้

1.ตลาดโอมิโจ (Omicho Market)
2.พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยศตวรรษที่ 21 คานาซาวะ 

    (21st Century Museum of Contemporary Art – Kanazawa)
3.ย่านโรงน้ำชา ฮิงาชิชายะ (Higashi Chaya District)
4.ปราสาทคานาซาวะ (Kanazawa Castle)
5.สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenroku-en Garden

ได้ตั๋วมาแล้วจ้า
ข้างหลังมีแผนที่ด้วยนะ
นั่งโงๆ เอ้ย นั่งเหงาๆ บ้างก็ดี
เป็นวงกลมวงนึง....
พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยศตวรรษที่ 21 คานาซาวะ (21st Century Museum of Contemporary Art – Kanazawa) เดินวนๆ แล้วก็ออกมาพอ 555+ ฝั่งตรงข้ามมีวัดเล็กๆ วัดนึง ไม่รู้ว่าชื่อวัดอะไร เราเลยลองเดินเข้าไปดูหน่อย ข้างในนี้ไม่ธรรมดานะจ๊ะ ขอเขียนคำอวยพรลงในป้ายบ้างดีกว่า
ขอให้เจอเนื้อคู้กับเค้าสักที 555+
เห็นเป็นวัดเล็กๆ แบบนี้ ที่นี่มี wifi นะจ๊ะ จากนั้นเราก็นั่งรถบัสไปสวนเค็นโรคุเอ็นก็ต่อ...
เป็นที่น่าเศร้าใจ สวนปิดจ้า น้ำตาจิไหล เราเลยเดินเรื่อยเปื่อยไปตามร้านค้าข้างทาง มีร้านๆ ของของฝากน่ารักๆ เยอะแยะไปหมดเลย มาที่นี่สิ่งที่ต้องลองก็คือ ไอศรีมเคลือบแผ่นทองคำที่นี่เขาขึ้นชื่อมานะต้องลองค่ะ
แล้วเราก็เดินต่อไปที่ปราสาทคานาซาวะ (Kanazawa Castle) กันต่อ
ปราสาทคานาซาวะ (Kanazawa Castle) แอบน่ากลัวนิดนึงนะ เพราะตอนเย็นๆ จะเห็นฝูกนกบินเต็มปราสาทเยอะมากๆ จากนั้นเราก็นั่งรถไปหาอะไรกินที่ตลาดโอมิโจ Omicho Market แต่ก็อดจ้า เพราะตลาดปิดแล้ว เลยเดินไปหาของที่ Super Market ฝั่งตรงข้ามไปกินที่ห้องดีกว่า เพราะอากาศข้างนอกหนาวมาก ฝนก็ตกปรอยๆ ด้วย อยากบอกว่าขนมหัวใจอันนี้อร่อยมากกกกก
เอาชีวิตรอดไปได้อีกหนึ่งวันค่ะ เหนื่อยมาก อากาศข้างนอกคือหนาวมาก อะไรคือการคิดว่าคงจะเย็นๆ เหมือนเชียงใหม่ ซึ่งมันไม่จริง ดีนะที่เตรียม Heattech EXTRA WARM ของ Uniqlo มาด้วย มันช่วยได้เยอะเลยค่ะ ขอตัวไปอาบน้ำ และทำหน้าที่ลูกที่ดีก่อนนะคะ  Goodnight video call with my mom... ค่ะ 555+

Day 2 Shirakawago - Takayama
       เช้านี้เราต้องรีบตื่นแต่เช้ามาก เช้ามากๆ เช้าไปไหน จัดไปเลยค่ะตี 4 (เวลาที่ญี่ปุ่นจะเร็วกว่าบ้านเราประมาณ 2 ชั่วโมง) เหตุผลที่ต้องตื่นแต่เช้าเพราะ...."ตื่นมาแต่งหน้า" 555+ เช้านี้เราจองตั๋วรถบัส Nohi Bus ไว้เวลา 8.10 น. เที่ยวแรกของวันนี้เลยค่ะ ซึ่งเราโทรจองล้วงหน้าจากที่ไทยมาแล้ว โดยนำ Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass และ เลข E-booking ที่เขาให้เรามาตอนโทรไปจองประมาณ 10 หลัก มาออกตั๋วได้เลย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เลยค่ะ หากต้องการมาซื้อตั๋วโดยไม่ใช้ Pass ใดๆ เลย สามารถซื้อได้ในราคา 1,850 เยนสำหรับเที่ยวเดียว และ 3,290 เยนสำหรับไปกลับ ซึ่งสถานที่ออกตั๋วก็อยู่ใกล้กับสถานี Kanazawa เลย
เย้! ได้ตั๋วมาแล้ว อยากบอกว่าพนักงานออกตั๋วที่นี่หล่อมากค่ะ ดีงามในชุดเครื่องแบบ อิอิ
สถานที่ออกตั๋วก็คือตึกข้างหลังเราเนี่ยแหละ

จุดขึ้นรถบัส Nohi bus
ได้ตั๋วแล้ว ก็มารอขึ้นรถที่ชานชาลาหมายเลข 2 ค่ะ รถของตรงเวลามากนะ อย่าไปเถลไถลที่ไหนล่ะ อ่อ! อย่าลืมหาอะไรลองท้องก่อนขึ้นรถนะ เพราะใช้เวลานานในการเดินทางอาจจะหิวได้ รู้สึกเหมือนว่าเราเป็นคนแรกที่โทรมาจองแน่ๆ เลย ได้นั่งหน้าสุดเลยค่ะ 555+ รายละเอียดในการจองตั๋ว Nohi bus ตามด้านล่างนี้เลย⬇️

การจองตั๋วรถบัส Nohi bus ไป Shirakawago
- หากต้องการจองตั๋วล่วงหน้าผ่านทางออนไลน์ สามารถจองได้ที่เว็บไซต์ japanbusonline.com (จองล่วงหน้าได้ 1 เดือน)
- คนที่ใช้พาส Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass หรือ SHORYUDO Highway Bus Ticket จะไม่สามารถจองทางออนไลน์ได้ ต้องไปออกตั๋วที่ท่ารถซึ่งจะสามารถจองล่วงหน้าได้ในช่วงที่ใช้งานของพาสนั้นๆ หรือโทรจองได้ที่
- Nohi bus Reservation Center (0577)32-1688 (9:00-18:00 น.)
- Hokurikutetsudou Reservation Center (076)234-0123 (9:00-18:00 น.)

ตารางรถ Nohi bus
โดยขาไปจาก Kanazawa ไปที่ Shirakawa-go จะอยู่ตารางล่างนะคะ ส่วนขากลับมาที่ Kanazawa จะอยู่ตารางด้านบนค่ะ วิธีการจองรถเราโทรไปจองที่ Nohi Bus Reservation Center TEL (0577) 32-1688 เวลาทำการ 9:00~18:00 ค่ะ เมื่อโทรจองแล้วเค้าจะให้รหัสบุคกิ้งเรามา เพื่อนำมาออกตั๋วจริงในวันเดินทางค่ะ

***โดยขาไปเราเลือกเวลาออกจาก Kanazawa เวลา 8.10 น. ถึง Shirakawa-go เวลา 9.25 น.
ขากลับออกจาก Shirakawa-go เวลา 12.05 น. เพื่อเราจะเดินทางไปเที่ยวที่ Takayama ต่อ จะถึง Takayama เวลา 12.55 น. ค่ะ ตรงเวลาแปะ

วิวข้างทางคือสวยมากกกกกก
และแล้วเราก็มาถึงสักที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ เรามาถึงก็ทำการจองตั๋วขากลับก่อนที่จะออกไปเดินเที่ยวรอบๆ หมูบ้านชิราคาวาโกะ
หมู่บ้าน Shirakawa ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัด Gifu มีหมู่บ้านทั้งหมด 16 หมู่บ้านตั้งอยู่ตลอดแนวแม่น้ำ Shougawa และแนวทางหลวง พื้นที่ 95% (35,655ha) คือป่าเขาและเพียง 0.5% เท่านั้นที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ดูมีสาระขึ้นมาทันที 555+ จุดแรกจะพาไปชมจุดชมวิวก่อนเลยค่ะ ซึ่งบนนั้นจะสามารถมองเห็น หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) จากมุมสูง โดยจะมีรถบริการพาขึ้นไป ในราคา 2 เยนค่ะ 
วิวสวยมาก หิมะกำลังตกหนัก พรุ้งนี้น่าจะฟูลจนขาวโพนเชียวล่ะ
ข้างหลังมีร้านขายของฝากด้วยนะ เราซื้อสิ่งนี้มา Snowball ในราคา 990 เยน มันน่ารักมากเลยค่ะ
เราลองเดินไปดูด้านล่างบ้างดีกว่า
 rice ball มันคือแป้งข้าวที่เอามาย่างแล้วทาด้วยซอสค่ะ 
หิมะกำลังตกหนักเลย และคาดว่านะจะฟลูมาก ในวันพรุ่งนี้ค่ะ
หลังจากที่เราเดินเที่ยวจนรอบหมู่บ้านแล้ว ใกล้จะได้เวลาขึ้นรถไป Takayama กันต่อแล้ว ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1.30 ชม. ค่ะ
สถานี JR Takayama 
แล้วเราก็มาถึงที่ Takayama เวลาประมาณ 13.00 น. ทาคายาม่าเป็นเมืองที่ได้รับวัฒนธรรมเกียวโตผสมผสานกับยุคเอโดะทำให้บรรยากาศภายในเมืองมีความคลาสสิค และเต็มไปด้วยความอบอุ่น เหมาะสำหรับคนที่เบื่อความวุ่นวายภายในเมืองใหญ่ อยากให้ลองมาเยี่ยมชมเมืองเก่าอย่างทาคายาม่า
แวะหยิบแผนที่ซะหน่อยก็ดีนะ กันหลงทาง
       จุดแรกที่เราจะไปก็คือ ตลาดเช้าทาคายาม่า ซึ่งจะแบ่งเป็นสองโซนคือโซนหน้าอาคารทาคายาม่าจินยะ จะเรียกว่า ตลาดจินยะเม เเต่โซนที่ได้รับความนิยมในของนักท่องเที่ยวอย่างมากจะเป็นในโซน ที่ตั้งขนานไปกับริมแม่น้ำมิยางาวะ ที่ชื่อว่า ตลาดมิยางาวะ ซึ่งช่วงที่เรามาถึงคือช่วงบ่าย เรียกว่าตลาดบ่ายทาคายาม่าละกัน 555+
แม่น้ำมิยากาวะ
แม่น้ำมิยากาวะ  จะมีสะพานสีแดงซึ่งเป็นอีกไฮไลท์ของเมืองทาคายาม่าที่คนนิยมมาถ่ายรูปกัน พูดเลยว่าถ้าไม่ถ่ายที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึงทาคายาม่ายังไงยังงั้นเลย ถ้ามาช่วงต้นเดือนเมษายนเราจะได้เห็นต้นซากุระกำลังผลิดอกสวยงาม บรรยากาศคลาสสิกับสายลมเย็นๆ ฟินสุด
เดินไปอีกหน่อย ก็จะเป็นย่านเมืองเก่าฮิดะทาคายามะ (Hida Takayama) เมืองที่ยังคงบรรยากาศและสภาพบ้านเรือนของญี่ปุ่นในสมัยโบราณไว้ให้ได้เห็นอยู่ในปัจจุบัน นับจากที่ได้รับการจัดให้อยู่ในระดับสามดาวเคียงคู่กันกับเกียวโต (Kyoto) และนารา (Nara)
เนื้อฮิดะคือดีมากกกก คิวยาวมากเลย
ซาลาเปาที่นี่ก็ขึ้นชื่อนะ ต้องลอง
ชอบบรรยกาศของที่นี่นะ ได้กินไอของเมืองเก่าดีค่ะ

เพื่อนเรามันสะสมขวดโค้กของแต่ละเมืองค่ะ แมร่ง! กดแดกทุกเมืองเลย 555
ร้านเนื้อย่างฮิดะที่ต้องมาลอง แต่เสียดายร้านปิดตั้งแต่บ่าย 2 เรามาไม่ทันค่ะ
สถานี JR Takayama
จุดซื้อตั๋วไป Shirakawago เพื่อจะเดินทางไปไป Kanazawa
เราจะนั่งรกกลับโดยไปลงที่ชิราคาวาโกะ แล้วต่อรถจากชิราคาวาะโกะ ไปคานาซาวา แต่โชคร้ายเมื่อเราไปถึงชิราคาวาโกะเจ้าหน้าที่บอกว่าเที่ยวรถที่จะไปคานาซาวาเต็มแล้ว เหลือแต่รถที่จะไปลงสถานี Toyama เราก็เลยต้องเลือกกลับรูทนี้แทน แต่ไม่ต้องตกใจไปนะ เราสามารถนั่ง shinkansen toyama ไปลงที่ Kanazawa ได้เช่นกัน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพราะเราถือ JR Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass ค่ะ

Day 3 Shinhotaka Ropeway
       วันนี้เราจะเดินทางไปเที่ยวสถานที่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ซึ่งอยู่ใกล้เมืองทาคายามะ (Takayama) จังหวัด กิฟุ (Gifu) ภูมิภาคจูบุ และที่นั่นก็คือ Shinhotaka Ropeway นั่นเอง  Shinhotaka ropeway เป็นกระเช้ากอนโดล่าแบบ 2 ชั้น ซึ่งเปิดบริการเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในญี่ปุ่น สามารถขึ้นไปชมวิวเทือกเขาเจแปนแอลป์ตอนเหนือได้อย่าง 360 องศา
กระเช้ากอนโดล่าแบบ 2 ชั้น
สถานี Toyama 
       ในการเดินทางครั้งนี้เราเลือกนั่ง Shinkansen จาก Kanazawa ไปลง Toyama (*ใช้ JR Takayama hokuriku area pass สามารถนั่งชินคังเซนได้ฟรีค่ะ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที เมื่อมาถึงก็รีบเข้าไปซื้อตั๋วรถบัสเพื่อไปยัง Shinhotaka ropeway ราคาตั๋ว 3,260 เยน/คน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
***หมายเหตุ - ควรไปให้ทันรอบ 9.05 นะค่ะ เพราะต้องใช้เวลาในการเดินทางนานมาก เดี๋ยวจะหมดเวลาเที่ยวเอาน้าาา
ได้ตั๋ามาแล้ว เราซื้อตั๋วไป-กลับจ้า
เช้านี้ทุกพื้นที่ก็จะปกคลุมค่อนข้างหนา เพราะเมื่อวานหิมะตกหนักทั้งคืน ระหว่างเดินทางมา วิวข้างทางคือสวยมาก สีขาวโพนไปหมด คิดว่าครั้งหน้าถ้ามีโอกาสกลับมาอีก อยากจะมาอยู่ที่เมือง Toyama นี้สัก 2-3 วัน เสพหิมะให้เต็มที่ 555+
เช้านี้ทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยหิมะหมดเลยค่ะ

หิมะฟลูมาก 
ตรงนี้เป็นจุดพักรถของ nohi bus เค้าค่ะ จะจอดให้เราแวะเข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสายกันหน่อย
ชอบเมืองนี้จัง อยากพักค้างคืนสัก 2 วัน

ระหว่างที่เดินทางมา วิวสองข้างทางคือสวยมากๆ อยากบอกลุงคนขับรถให้จอดลงตรงนี้สักแป๊บจริงๆ
จุดที่เราจะขึ้นกระเช้ากัน
และแล้วก็มาถึงสักที เมื่อยก้นมากแม่ วันที่เราไปคนไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนไทยค่ะ ทั้งรถที่นั่งมาก็คนไทยหมดเลย "ทัวร์ไทย" นั่งเอง 555+ รีบไปซื้อตั๋วกันดีกว่า
ทำการซื้อตั๋วก่อนนะจ๊ะ
ค่าขึ้นกระเช้า จากสถานีที่ 1 และ 2 (ไป - กลับ) คนละ 2,900 เยน เราสามารถนั่งกระเช้าชมธรรมชาติได้ถึง 2 จุดที่ระดับความสูง 1,308 เมตร และ 2,156 เหนือระดับน้ำทะเล พบความงดงามที่แตกต่างกัน
กระเช้ากอนโดล่าแบบ 2 ชั้น
ระหว่าทางจะเดินไปขึ้นจุดที่ 2 นะคะ
จุดที่เราจะต่อกระเช้าไปยังจุดที่ 2 กัน
มาถึงแล้ว หนาวมาก วิวสวยมากจริงๆ 

ไฮไลท์คือชั้นสูงสุดคือ Nishihotakaguchi Station ที่ 2,156 เหนือระดับน้ำทะเลจุดชมวิวตื่นตาทิวเขาตระหง่านแบบ 360 องศา สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษในอ้อมกอดของหุบเขา คือสาวยมากจริงๆ
อุณภูมิ -19 องศา จ้า
นี่ก็เจ้าถิ่นเขาเลยละ 55+ 
หนาวมาก เดินออกไปได้ไม่ถึง 5 นาที ต้องรีบกลับเข้ามาในตึก มือชาไปหมด แบตโทรศัพท์หมดเร็วมาก หนาวจนมือถือนี่ดับไปเลยจร้า โชคดีที่ยังมีกล้องตัวดปรดอีกตัว ได้ช่วยชีวิตไว้ในทริปนี้ ลูกรักกกกก ไม่ไหวแล้ว ถ่ายรูปเสร็จไปหาอะไรร้อนๆ กินดีกว่า ที่นี่มีจุดให้บริการนักท่องเที่ยวครบวงจรไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ร้านขนม ร้านขายของที่ระลึก อากาศหนาวมากๆขอหาอะไรร้อนๆ กินสักหน่อยก็ดี
อิ่มอร่อยในราคา 640 เยน
อยากกินเมนูไหนสามารถกดเลือกเมนูที่ตู้อัตโนมัติได้เลย แล้วนำคูปองที่ได้ไปยื่นที่แม่ครัวนะ สะดวกมากเลยค่ะ เราสั่งเมนูนี้มาได้กินทั้งข้าว ทั้งราเมน ไก่คาราเกะอร่อยมากๆ ใกล้จะถึงเวลากลับแล้ว เราเลือกกลับเวลา 14.30 น. รอบสุดท้ายของวันนี้ นอกจากนั้นก็ไม่มีเที่ยวรถให้กลับแล้ว 


รถคันเดิม คนขับคนเดิม สมาชิกก็กรุ๊ปเดิมเลยจ้า เราจะกลับไป Toyama แล้วนั่ง Shinkansen กลับไป Kanazawa ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม เตรียมเข้า Osaka กัน

เรามาถึง Toyama ประมาณ 17.30 น. ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ขอเดินสำรวจเมืองสักนิดหน่อย อิอิ
แสงของพระอาทิตย์อุทัยกำลังจะหมดไป
Toyama เป็นเมืองที่สวยเมืองหนึ่งเลย ไว้ถ้ามีโอกาส จะกลับมาเที่ยวที่นี่อีกแน่ จะอยู่ให้นานกว่านี้ แต่ตอนนี้เราต้องรีบไปกลับไป Kanazawa เพื่อไปเอากระเป๋าแล้วมุ่งหน้าไป Osaka ต่อโดยการนั่ง Thunderbird ซึ่งเรามาทันเที่ยวเวลา 19.02 น. จะใช้เวลาเดินทางถึง Osaka เวลาประมาณ 22.30 น.
เราต้องต่อใต้ดินเพื่อไป Namba เพราะเราจองที่พักไว้ที่นั่น ถึงที่พักก็เกือบเที่ยงคืนเลย 
สำหรับที่พักใน Osaka เราจองผ่าน Agoda มา ชื่อว่า ฮอสเท็ล คิว (Hostel Q) จำนวน 4 คืน ในราคา 4,326.8 บาท หารสองคน ตกคนละ 2,163.4 บาท ทำเลค่อนข้างดีมาก อยู่ใกล้กับสถานนี Namba, 7-11, Lawson และอยู่ในย่าน Dotonbori เดินเล่นกันทั้งคืนไปเลย อยากบอกว่าเจ้าของที่นี่เป็นกันเองสุดๆ

Day 4 Universal Studios Japan

        วันเราก็จะอยู่กันที่ Universal Studios Japan เราซื้อบัตรเข้าสวนสนุกจาก KLOOK มาอีกเช่นเคย ใช้โค้ดส่วนลดแล้วเหลือ 2,050.1 บาท แต่แอบเสียดายคะ เล่นเครื่องเล่นอะไรกับเค้าไม่ได้เลย เพิ่งประสบอุบัติเหตุจนกระดูกร้าวมา ได้แต่นั่งดูเพื่อนเล่นไปเท่านั้น เราไปดูกันดีกว่าใน USJ มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง


***ตอนเช้าว่าสวยแล้ว เดี๋ยวเอารูปตอนช่วงเย็นมาให้ดูบ้างดีกว่า ยิ่งตอนที่มี lightup ที่ตัวปราสาทนะ สวยมากเลยแหละ อลังการสุดๆ
การแสดงไฟที่ปราสาทในโซนแฮร์รี่ Hogwarts Magical Night – Winter Magic

 
มันน่าแบกกลับบ้านมากเลยนะ
มาเป็นแก๊งค์น่ารักกันมากเลย
อยากหิ้วกลับบ้านจุง
มีความเป็นอเมริกันมาจ้า
มื้อเที่ยงเราฝากท้องไว้ที่นี่เลย เบอร์เกอร์อร่อยมาก ชิ้นใหญ่มากเลยค่ะ ในราคา 1,860 เยน (มีแฮมเบอร์เกอร์+โค้ก+เฟรนซ์ฟรายส์)
ปิดท้ายการท่องเที่ยวสวนสนุกแห่งนี้ด้วย Universal Spectacle Night Parade – The Best of Hollywood  ที่เป็นขบวนพาเรดจากธีมหนังดังของฮอลลีวูดอย่าง Harry Potter, Transformers, Jurassic World และ Minions ซึ่งแต่ละขบวนก็จัดเต็มกันเลยทีเดียว ถ้ามาช่วงฤดูหนาว ก็ต้องเตรียมอุปกรณ์ที่ให้ความอบอุ่นมาหน่อยนะคะ อากาศมันหนาวมาก มือจะแข็งอยู่แล้ว
หมดไปอีก 1 วัน หนาวมากค่ะ หิวด้วย เดี๋ยวเราจะไปหาอะไรร้อนๆ กินก่อนเข้าที่พักค่ะ พรุ่งนี้เราต้องใช้ร่างกายอย่างมากไปเที่ยวที่ kyoto กัน  (ก็เห็นใช้มากในทุกๆ วันแหละ 555+)

Day 5 kyoto-Osaka

     เราตั้งใจว่าจะไป Ine ถ้าเราตื่นเช้า แต่แล้วคือ.. เราตื่นสายค่ะ เราเลยทิ้ง Ine ไปเลย แอบเสียใจมาก (เดี๋ยวกลับมาใหม่ ปลอบใจตัวเองแป๊บ!!! 555) เราก็จะเที่ยวแค่ใน kyoto เท่านั้น 
การเดินทาง - เราเดินทางด้วย Subway สายสีแดง จากสถานี Namba ไปยังสถานี Shin-Osaka (ใช้ ICOCA / ¥280 / 15 นาที / รถไฟออกทุก 3 นาที) ถึงสถานี Shin-Osaka เดินออกจากตัวอาคารใหญ่ไปยังสถานี JR ของ Shin-Osaka (ใช้ ICOCA) แล้วเดินไปที่ชานชาลา 12 ***อ่อ!!! วันนี้เรายังคงใช้ Takayama Hokuriku Pass นั่งรถไฟ JR มาเที่ยวที่ kyoto ได้ฟรีอยู่นะ เพราะ Pass นี้ใช้ได้ต่อเนื่อง 5 วัน ซึ่งนี่ก็วันที่ 5 ใช้ได้เป็นวันสุดท้ายแล้ว คุ้มไหมล่ะ ไปดูกันเลยว่าใน 1 วันเราไปไหนกันมาบ้าง...
สถานี JR Kyoto
ที่แรกของเราในวันนี้คือ ป่าไผ่อาราชิยาม่า (Arashiyama Bamboo Groves)
การเดินทาง - จาก Kyoto Station หรือจากสถานีอื่นๆ มาลงที่สถานี Saga-Arashiyama ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 140 เยน ขึ้นอยู่กับระยะทาง จากนั้นเดินต่อจากสถานีรถไฟประมาณ 550 เมตรมายังบริเวณด้านหลังของวัดเทนริวจิ จะพบกับทางเข้าป่าไผ่

ป่าไผ่อาราชิยาม่าเปิดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง และไม่มีการเก็บค่าเข้าชม
สวนป่าไผ่ มีความยาวกว่า 500 เมตรตั้งอยู่ระหว่างวัดเทนริวจิและศาลเจ้าโนโนมิยะ สามารถเดินเล่นหรือขี่จักรยานผ่านก็ได้ ตลอดสองข้างรายรอบไปด้วยต้นไผ่ที่สูงไม่ต่ำกว่าสิบเมตร ปกคลุมทางเดินที่ลาดเอียงไปตามเนินเขาอย่างงดงาม
เสียเวลากับตรงนี้นานมากๆ ค่ะ คนเยอะมาก มีคนเดินคลอดเวลาเลย
***หมายเหตุ- เนื่องจากป่าไผ่อาราชิยาม่าเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างสูง ตลอดทั้งวันจึงมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลเดินทางมาเยือนสถานที่แห่งนี้ หากนักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสบรรยากาศที่สงบ และต้องการบันทึกภาพแนวทางเดินในป่าไผ่แบบปราศจากผู้คน ควรเดินทางมาเยือนป่าไผ่ตั้งแต่เช้าตรู่
สายมูไม่ควรพลาด เครื่องลางมีให้เลือกเยอะเลย

เดินออกมาจากดจากป่าไผ่ มาให้เลี้ยวซ้าย จะเจอโซนที่เต็มไปด้วยใบไม้แดง จากนั้นเดินกลับลงมาที่ริมแม่น้ำ Katsura (บริเวณริมแม่น้ำจะเป็นจุดที่มีบริการล่องเรือของอาราชิยาม่า) จะเจอจุดบริการให้ขึ้นเรือ
ระหว่างที่เดินหาอะไรกิน ก็เดินมาเจอเพื่อนโดยบังเอิญค่ะ ไม่ได้นัดกันมาเลยจริงๆ นะ 555+ (ก็ว่าทำไมอีนี่หน้าตาคุ้นๆ เหมือนเพื่อนกูเลย 555+)
แล้วเราก็มาฝากท้องกันที่ร้านนี้ค่ะ อ่านไม่ออกจริงๆ ว่าชื่อร้านอะไร
คนค่อนข้างเยอะ เพราะอาหารของเค้ามีให้เลือกหลากหลายดีค่ะ
กินของคาวแล้วมาต่อของหวานค่ะ
ชอบความน่ารักของญี่ปุ่นตรงนี้แหละ มันตะมุตะมิไปสะทุกอย่างจริงๆ 
ระหว่างทางที่เราจะไปขึ้นรถไฟนั่น บ้านช่องที่นี่ก็จะมีความโบรานผสมผสานกับความทันสมัยหน่อย มีคาเฟ่เยอะมากเ้วยนะ ระหว่างทางก็จะเห็นกลุ่มคนแต่งชุดกิโมโน ยูกาตะ มาเดินเที่ยวถ่ายรูป ยอมรับว่าคนญี่ปุ่นนี่น่ารักจริงๆ ค่ะ จริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องซื้อแพ็คเกจมาก็ได้ เพราะร้านเช่าชุดที่นี่มีเยอะมากเลยค่ะ หาง่ายด้วย
น่ารักจังเลยค่ะ
มีร้านหนังสือ ร้านกาแฟ คาเฟ่ สไตล์ minimal ให้เราถ่ายรูปเยอะเลย
บอกแล้วไง ว่าญี่ปุ่นจะต้องรุกเป็นไฟ 555+
วันนี้เราเจอน้องด้วยนะ อยากอุ้มกลับบ้านเลย






Day 6 Osaka





Day 7 Kobe
ผ่านไปด้วยดีกับทริปญี่ปุ่น 7 วัน 7 เมือง ของเรานะคะ เที่ยวโหดเกินไปไหมเรา 555+ อยากบอกเพื่อนๆ นอกจากสถานที่เที่ยวที่เราไปแล้ว ญี่ปุ่นยังมีสถานที่อื่นๆ ที่สวยๆ อีกมากมาย เราชอบบ้านเมืองของเค้านะ มันน่ารักไปหมดทุกอย่าง ไปครั้งแรกก็หลงรักเลย คิดว่าต้องกลับมาอีกแน่นอน แต่ตอนนี้ขอกลับไปทำงานปั่นเงินแป๊บ แล้วพบกันใหม่ในทริปถัดไปนะคะ ***เดี๋ยวเราจะสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดของทริปญี่ปุ่นในครั้งนี้ไว้ด้านล่างน้า เผื่อเป็นแนวทางในการวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นให้กับเพื่อนๆ ค่ะ แล้วเจอกันค่ะ

ค่าใช้จ่ายทั้งหมด :

1.ค่าตั๋วเครื่องบิน สายการบิน Air Asia X เที่ยวบิน XJ612 เวลา 01.15 - 8.45 น. ในราคาคนละ 11,058 บาท (+แพ็คสุดคุ้ม รวมนน.กระเป๋า 20 กก. อาหาร เลือกที่นั่ง ประกันการเดินทาง)
2.ค่าโรงแรม/ที่พัก Agoda
              2.1 โรงแรมอะป้า คานาซาวา-เอกิมาเอะ (APA Hotel Kanazawa-Ekimae) 
                    จำนวน 2 คืน ราคา 4,380 บาท/2 คนละ 2,190 บาท
              2.2 ฮอสเท็ล คิว (Hostel Q) จำนวน 4 คืน ราคา 5,853 บาท/2 คนละ 2,927 บาท

3.ค่าบัตรที่ซื้อกับ KLOOK ได้แก่
              3.1 ตั๋ว JR Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass สำหรับ 5 วัน ราคา 3,285 บาท
              3.2 Osaka Amazing Pass ราคา 1,017 บาท
              3.3 บัตรเติมเงินอิโคคะ (ICOCA IC Card) ราคา 615 บาท
              3.4 บัตรโดยสารรถไฟ Nankai Line Airport Express
                     (จากสนามบินคันไซหรือนัมบะ) ราคา 306 บาท
              3.5 บัตรเข้าสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan) ราคา 2,050 บาท
              3.6 บริการเช่าชุดกิโมโนในเกียวโต พร้อมบริการถ่ายภาพ (แพ็กเกจเสริม) ราคา 661 บาท

4.ตั๋วเหมาสำหรับนั่งรถบัสเที่ยวในเมือง Kanazawa แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยว "The Hokutetsu One Day Pass" ในราคา 500 เยน ประมาณ 150 บาท 
5. ซื้อตั๋วรถบัสเพื่อไปยัง Shinhotaka ropeway ราคาตั๋ว 3,260 เยน/คน ประมาณ 978 บาท 
6. ค่าขึ้นกระเช้า  Shinhotaka ropeway จากสถานีที่ 1 และ 2 (ไป - กลับ) ราคาคนละ 2,900 เยน         ประมาณ 870 บาท
             รวมค่าใช้จ่ายหลักๆ ที่เราใช้ไปทั้งหมด 26,107 บาท
***หมายเหตุ ราคานี้ไม่รวมกับค่ากิน+ช็อปปิ้ง นะ เพราะส่วนนี้เรามองว่าขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะกินมากกินน้อย เราก็เลยแลกเงินสำหรับสำรองจ่ายส่วนนี้ 25,500 บาท อัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น 0.253 ถูกมาก ได้มา เกือบๆ 100,000 เยน เลยค่ะ เหลือกลับมา 40,000 เยนแหนะ ซึ่งก็ไม่เกินกับงบที่ตั้งไว้ประมาณ 4 หมื่น สำหรับการท่องเที่ยวในครั้งนี้ จริงๆ เพื่อนๆ คนอื่นสามารถไปลด cost ตรงตั๋วเครื่องบินก็ได้นะ อาจจะถูกลงไปกว่านี้อีก เราเลือกไปช่วงหิมะค่อนข้างที่จะแพงหน่อยค่ะ

ความคิดเห็น